• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดแบบนี้

Started by deam205, April 06, 2023, 05:44:47 AM

Previous topic - Next topic

deam205

เวลาที่ยังเป็นผู้เรียน ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยต่างเชื่อเสมอว่าหากได้ตั้งมั่นเรียน สอบติดคณะที่ใช่

ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี ค่าตอบแทนรายเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่คนไหนกันแน่ก็รู้จักได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีจำนวนไม่น้อยพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีผลประโยชน์รองรับให้สุขยังเป็นอาชีพที่จัดว่า "มีหน้ามีตา" ใครก็ต้อนรับกันหมด

แต่ว่าในโลกของเรื่องจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอไป

รวมทั้งในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุไร ถ้าหากสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าจ้างรายเดือนที่มิได้ล้นหลามอะไร ?"

คำถามนี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เนื่องจากว่ามันเต็มไปด้วยความคาดหวังที่มีความรู้สึกว่า

"เรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ว่าถ้าเกิดทดลองกลายเป็นความคิด "ฉันดำเนินการอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันบางทีอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่ถ้าเกิดคิดๆดูแล้ว มันได้ความบันเทิงใจ เยอะกว่าการตั้งข้อซักถามแบบแรกเนื่องจากข้อเท็จจริงของชีวิตเป็น

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในตัวเอง "ผิดแผกแตกต่าง" กันไปเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก่งเหมือนกันหมด

2. ในรั้วสถานศึกษา- ม ห า วิ ท ย า ลั ยแม้กระทั่งพวกเราได้เรียนกับคุณครูที่เก่งมากแค่ไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแต่วิชาความรู้ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น พวกเรายังจะต้องทราบเรื่องอีกมาก

ทำความเข้าใจกันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกมากด้วยเหตุนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำต้องทำงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำต้องดำเนินงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอไป

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆเรียนรู้ เบาๆปรับนิสัยไป สิ่งที่พวกเรากำลังสนุกสนานขณะนี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งในตอนนี้ ในในอนาคต มันอาจเป็นแค่เพียงความทรงจำ

ด้วยเหตุว่าอาจมีหลายต้นสายปลายเหตุให้คิดมากขึ้น ดังเช่น ควรต้องพับโครงงานเรียนต่อเอาไว้

เพราะเงินไม่เพียงพอจะต้องดำเนินงานหารายได้ก่อน และก็หลังจากนั้นจึงค่อยไปเรียนศิลป์ที่พวกเราชอบ ...

พวกเราจะต้องดูจังหวะของชีวิตด้วย (สิ่งที่ต้องการของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันเป็น "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนพวกเราทางตรง แม้กระนั้นให้เราเบาๆซับข้อดีแต่อย่างไปเอง เช่น ฝึกความทรหดอดทน, ฝึกฝนความประณีตบรรจงและละเอียดลออ,

ฝึกฝนความชำนาญการเข้าสังคมในครั้งหนึ่งที่เรามองไม่เห็นประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง เพียงพอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรมีบ้างแหละที่พวกเรานึกอะไรขึ้นมาจนต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นแบบเรียนอีกครั้ง

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยเสียเปล่า เพียงแค่พวกเราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกภาพให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราจะต้องมีโอกาสให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองจนเหลือเกิน ได้แก่ หากวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

หากพวกเรามิได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งใจในทันทีมันเป็นเรื่องธรรมดามากมายๆที่ต้องแลกเปลี่ยนกับความอ่อนล้า

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าหากจะพบว่าเพราะเหตุใด ห ม อ

บางคนถึงแต่งเพลงได้?

เพราะเหตุใดบางบุคคลเรียนวิชาชีพแต่ว่ามาเป็นศิลปิน?

เพราะเหตุใดบางบุคคลเรียนไม่จบแต่ประสบผลสำเร็จ?

ถ้าเกิดยังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกครั้งขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่สมควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะไม่มีทางเป็นไปได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีหรือไม่ว่าทำอะไรอยู่?" และก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม รวมทั้งมีหลายมิติ ใช่ว่าจำเป็นที่จะต้องมองดูเพียงด้านเดียว
ทำงานไม่ตรงสาย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/