คำพิพากษาคดี "แอม ไซยาไนด์ (https://keeshabrownie.com/news/998/)"เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีที่นางสรารัตน์ หรือ "
แอม ไซยาไนด์ (https://keeshabrownie.com/news/998/)" ถูกกล่าวหาว่าใช้สารไซยาไนด์วางยาฆ่าเพื่อนเพื่อชิงทรัพย์ โดยมีอดีตสามีและทนายความร่วมเกี่ยวข้องในคดีนี้
(https://s.isanook.com/ns/0/ud/1930/9651138/new-thumbnail1200x720-2024-_1.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/webp)
คำตัดสิน:
[ul]
- แอม ไซยาไนด์ (จำเลยที่ 1): ศาลพิพากษา ประหารชีวิต ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
- พ.ต.ท.วิฑูรย์ (จำเลยที่ 2): อดีตสามีของแอม ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานช่วยเหลือในการกระทำผิดและซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน
- ทนายพัช (จำเลยที่ 3): ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานช่วยเหลือจำเลยและทำลายหลักฐาน
[/ul]
นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งให้จำเลยร่วมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมเป็นจำนวนเงิน
2 ล้านบาท
รายละเอียดคดี[ul]
- คดีนี้เกี่ยวข้องกับการที่แอม ไซยาไนด์ ใช้สารพิษไซยาไนด์วางยาฆ่าเพื่อนเพื่อชิงทรัพย์ ซึ่งพยานหลักฐานจากฝ่ายโจทก์ชี้ชัดถึงการกระทำผิด แม้จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์โดยตรง แต่พยานแวดล้อมและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ได้บ่งชี้ถึงการกระทำของจำเลย
- ทนายจำเลยพยายามโต้แย้งว่าคดีมีข้อสงสัยเนื่องจากไม่มีพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ แต่ศาลพิจารณาว่าจำเลยที่ 1 ปฏิเสธที่จะเบิกความและไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้
[/ul]
ผลกระทบและการดำเนินการต่อคำพิพากษาครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในกรณีอาชญากรรมร้ายแรง ขณะที่ฝ่ายจำเลยมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในชั้นศาลต่อไป
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวยังเป็นที่สนใจของสังคม และถือเป็นกรณีตัวอย่างของการใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานแวดล้อมในการดำเนินคดีจนถึงที่สุด